ประสบการณ์ : คุณนากิสะ เทศเล็ก (สาขา 14)
คุณสมบัติ : จุนโฮจ้าชู
สวัสดีค่ะดิฉันชื่อ นากิสะ เทศเล็ก สาขา14 อยู่ที่ระยองค่ะ วันนี้ขอขอบคุณที่มีโอกาสได้เล่าประสบการณ์ในกิจกรรมฝึกปฏิบัติธรรมผู้นำฯค่ะ
คุณยายของดิฉันเป็นผู้ปฏิบัติเรยูไกคนแรกในครอบครัว และเป็นผู้แนะนำดิฉัน ตอนดิฉันอยู่ชั้นประถมคุณพ่อสอนว่าห้ามเชื่อในศาสนาอย่างจริงจัง ตอนมัธยมปีที่ 1 คุณพ่อมีครอบครัวใหม่ ทำให้ดิฉันคุณแม่และน้องชายอยู่ด้วยกัน 3 คน ฉันตัดสินใจว่า จะเป็นผู้ดูแลครอบครัวนี้เพราะฉันเป็นลูกคนโต คุณแม่คิดสั้นพยายามฆ่าตัวตาย แต่ไม่สำเร็จ ตั้งแต่ตอนนั้นครอบครัวไม่ค่อยคุยกัน ห่างๆกันไป ตอนอยู่มัธยมปลายดิฉันมีความรู้สึกว่า “ ไม่น่าเกิดมาเลย ” เป็นช่วงที่ฉันทำตัวไม่ดี โดดเรียนบ่อย และไม่ค่อยกลับบ้าน คุณยายพยายามดึงฉันให้พบคำสอนของเรยูไก และฉันมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมสำหรับกลุ่มเยาวชนของเรยูไก เป็นโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนที่ไต้หวัน ขณะสวดมนต์กับเพื่อนๆ จู่ๆก็มีใบหน้าผู้ชายคนหนึ่งโผล่ขึ้นมา ดิฉันจึงร้องไห้ รุ่นพี่บอกว่า บรรพบุรุษของคุณกำลังมีความสุขอยู่นะ จากการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนั้น ทำให้ฉันมีเพื่อนใหม่ ทำให้รู้ว่าบรรพบุรุษมีจริง
ฉันเริ่มคิดว่าตัวเราทำอะไรได้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ และฉันก็ไปโครงการแลกเปลี่ยนที่อินเดีย ระหว่างนั้นได้ไปฝึกงานที่องค์กรหนึ่ง ซึ่งมีปรัชญาว่า จากประเทศที่กำลังพัฒนาได้สร้างแบรนด์(สินค้า,ยี่ห้อ)ให้ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งใช้วัสดุหรือฝีมือของช่างในประเทศตนเอง จากประสบการณ์ที่ได้ไปครั้งนี้ ทำให้ดิฉันรู้สึกขอบคุณที่ฉันได้เกิดมา ยิ่งทำให้คิดว่า อยากศึกษาเรียนรู้หรือมีประสบการณ์เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ฉันจึงไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ฉันได้พบเจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่สนับสนุนเป้าหมายของดิฉันเสมอ และตัดสินใจแต่งงานกัน และได้มีลูกสาวคนโต “ อะไรที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข ฉันก็จะทำ ” ความคิดแบบนี้ก็เกิดขึ้น พยายามปฏิบัติคำสอนเรยูไกด้วยกันกับคุณยาย แต่อีกใจหนึ่งก็ยังมีความคิดว่า การเรียนก็ยังค้างคาอยู่ ฉันไม่มีความสามารถ และรู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่า แต่คุณยายของดิฉันก็จะให้กำลังใจเสมอ วันหนึ่งฉันมีโอกาสเข้าร่วมฝึกปฏิบัติธรรม ณ ชิจิเมนซัง จึงทำให้ฉันสำนึกว่า ความรู้สึกขอบคุณต่อคุณแม่ และคุณพ่อคุณแม่ของสามี ยังไม่เพียงพอ
เมื่อย้ายมาที่ประเทศไทย พอดิฉันได้คลอดลูกคนที่ 2 ทำให้มีโอกาสได้พบเพื่อนสมาชิกคนไทยที่อบอุ่น ชิบุโจฮิโตมิเคยเล่าให้ฟังว่า “ ตอนอายุ 25 ตัวดิฉันต้องย้ายมาที่ประเทศไทย เพราะงานของสามี ตอนแรกฉันท้อแท้ อยากกลับบ้าน แต่พยายามพิจารณาความคิดว่า เพราะสามีจึงทำให้ได้พบกับสมาชิกคนไทย และทุกวันนี้ฉันรู้สึกขอบคุณสามี ” พอฟังชิบุโจฮิโตมิพูด ฉันก็มีความรู้สึกเกิดขึ้นกับตัวเองว่า “ เพราะสามี ฉันถึงได้เป็นแม่ของลูกสาวที่น่ารักทั้ง 2 คน ถ้าฉันมีคำสอนเรยูไก ฉันจะได้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ในประเทศไทยไหม ? ”
ฉันได้เข้าร่วมโฮจ้าหรือฝึกปฏิบัติธรรมผู้นำหลายครั้ง และมีโอกาสจับคู่ปฏิบัติกับคุณมิสึโยะ ทำให้ดิฉันสวดมนต์สม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง คุณมิสึโยะได้ให้กำลังใจ และได้สอนภาษาไทย ฉันจึงได้แนะนำสมาชิกชื่อ คุณสมวาสนาให้เป็นสมาชิก ซึ่งเป็นผู้หญิงที่มาส่งยาคูลย์ให้ดิฉันเป็นประจำ ชิบุโจบุญญาภาได้ติดต่อคุณสมวาสนาเพื่อแนะนำคำสอนของเรยูไกให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และชิบุโจฮิโตมิได้ปลุกเสกป้ายบรรพบุรุษให้เขา จึงตั้งแผ่นป้ายบรรพบุรุษได้สำเร็จ พวกเรามีโอกาสได้เจอกันอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เลยได้พูดคุยกันมากยิ่งขึ้น จึงทำให้รู้ว่า คุณสมวาสนาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำงานหนักมากไม่มีวันหยุดก็เพื่อลูกชาย ทำให้ดิฉันได้มองย้อนกลับไปถึงคุณแม่ของตัวเอง ฉันรู้สึกขอโทษมากๆ แม่ทำทุกอย่างเพื่อดิฉันกับน้องชาย แต่ฉันกลับมีแต่ความไม่พอใจ ไม่เคยขอบคุณและใส่ใจเขาเลย
คำพูดของผู้อำนวยการโอเอะดะว่า “ การที่อยู่เคียงข้างสมาชิกเป็นสิ่งสำคัญ แรกๆผมเองก็ไม่กล้าแนะนำสมาชิก แต่มีภรรยาอยู่เคียงข้างให้กำลังใจเสมอ จึงทำให้ผมมีทุกวันนี้ ” พอมีโอกาสได้จัดโฮจ้ากับคุณมิสึโยะ และคุณเอกรักษ์ ทำให้ฉันสำนึกว่า ฉันไม่ได้อยู่เคียงข้างสามีเลย ดิฉันจึงให้มูลนิธิฯแปลบทนำสวดเป็นภาษาไทย ตั้งแต่นั้นดิฉันกับสามีได้สวดมนต์ด้วยกัน ฉันรู้สึกขอบคุณที่ฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวมีสมาชิกอยู่เคียงข้างตลอด และฉันเริ่มคิดว่า “ หน้าที่ของฉันคือ การเผยแผ่คำสอนเรยูไกในประเทศไทย ” แต่อีกใจหนึ่งก็ยังไม่เชื่อในคำสอนอย่างเต็มที่
ทำไมดิฉันยังไม่เชื่ออย่างเต็มที่ ดิฉันสวดมนต์อธิษฐานเพื่อหาคำตอบ ระหว่างสวดมนต์ ดิฉันนึกถึงคุณพ่อสมัยฉันยังเด็ก คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกัน เพราะคุณพ่อไม่อยากให้คุณแม่ปฏิบัติเรยูไก คุณพ่อเคยคว่ำโต๊ะบูชา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น ดิฉันรู้สึกว่า คุณพ่อไม่ดีเลย ฉันสวดมนต์ไปเรื่อยๆก็เข้าใจได้ว่า คุณพ่อไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี แต่แค่อยากปกป้องครอบครัวในแบบของคุณพ่อเท่านั้นเอง ฉันรู้สึกขอบคุณคุณพ่อคุณแม่จากใจ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นผู้สนับสนุนดิฉันมาโดยตลอด สุดท้ายต่อจากนี้ฉันจะไม่ลืมการขอบคุณต่อพ่อแม่ และบรรพบุรุษ และมีความเชื่อมั่นในคำสอนแบบคุณยาย และเพื่อนสมาชิกเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมในประเทศไทย ฉันจะพยายามเผยแผ่คำสอนไม่ว่ากับใครก็ตาม และฉันจะพยายามมีคุณสมบัติโฮจ้าชู เพื่อที่จะปลุกเสกป้ายบรรพบุรุษ และเขียนโฮเมียวให้แก่ลูกสมาชิกของตัวเอง
ขอบคุณค่ะ