ประสบการณ์ : นายธีรวัฒน์ อุ่นสินมั่น

คุณสมบัติ : โฮจ้าชู

19 ธันวาคม 2564

 

สวัสดีครับ....เพื่อนสมาชิกผู้นำ ฯ ทุกท่าน,  ผู้อำนวยการโอเอะดะ  และผู้จัดการฮาระดะ

                ก่อนอื่นขอขอบคุณที่ให้โอกาสเล่าประสบการณ์ในวันนี้  การปฏิบัติของผมด้านการสวดมนต์คือผมจะสวดมนต์ทุกเช้า-เย็น สวดพระสูตรสีน้ำเงิน และบทสวดพระศรีอาริยเมตไตรย  เมื่อเร็วๆนี้มีโครงการพิเศษ จับคู่ปฏิบัติ ทุกคนจะตั้งเป้าหมายว่าจะทำอะไร? ขอให้ลงมือปฏิบัติอย่างตั้งใจ(จะสำเร็จหรือไม่ ? ไม่ใช่เรื่องสำคัญ)  ผมได้ตั้งเป้าหมาย แนะนำสมาชิกให้ได้สัก 1 คน  ผมตั้งใจแนะนำญาติให้เป็นสมาชิกแต่ก็ยังไม่มีโอกาส จนกระทั่งคืนวันที่ 21 พ.ย. ประมาณตี 2-ตี3 ได้รับโทรศัพท์จากหลานชาย ณ เวลานั้นผมอยากต่อว่าเขา แต่เขาก็ไม่ค่อยมีสติเพราะดื่มเหล้าเมามาก ผมให้เขาพูดระบายความในใจออกมา ความจริงในวันนั้น ช่วงบ่ายผมต้องไปมูลนิธิฯ เข้าร่วมกิจกรรมโฮจ้า และประชุมอนุกรรมการ แต่ผมขอไม่ไปมูลนิธิฯ ของดไม่เข้าร่วมเพราะคิดว่าจะเป็นโอกาสที่ผมจะได้ไปหาเขาและแนะนำคำสอนเรยูไก ผมอยากให้เขาเป็นสมาชิกได้ปฏิบัติเรยูไก

                ผมขอเล่าเรื่องราวของหลานให้ทุกท่านฟัง   คือ หลานชาย เป็นลูกของน้องชายคนเล็ก  โดยประวัติ  หลานคนนี้เกิดกับ พ่อแม่ที่ยังมีอายุน้อย ยังไม่บรรลุนิติภาวะ  หลังจากนั้น พ่อแม่ ก็ได้เลิกร้างกันไป  ปล่อยให้เด็กเลี้ยงดูโดยพี่สาวของผม ตั้งแต่ยังเป็นทารก   ตอนเป็นเด็กก็เป็นที่รักของทุกคนในหมู่พี่น้อง  ยังจำได้ผมเป็นคนหนึ่งที่ขี่มอเตอร์ไซด์ ไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน  บางครั้งก็มีเรื่องดุด่าเด็กเนื่องจากไม่ยอมตื่นในตอนเช้า  ด้วยความรักของพี่สาวที่มีต่อเด็กก็ได้ต่อว่าผมแทนที่จะว่าเด็ก  ผมคิดว่าด้วยความรักที่มากเกินอาจเป็นเหตุให้เด็กได้ใจ ได้รับการปกป้องจนไม่เข้าใจเรื่องความถูกต้อง  เวลาผ่านไปในช่วงประถมต้น  ประมาณว่าประถม 4  ได้เกิดเหตุที่ขาดเดาไม่ได้เลย นั่นคือเด็กได้ไปติดยาเสพติดจากทางโรงเรียน  ผมสังเกตเห็นพฤติกรรมที่แปลกๆไป   หน้าตาเกรี้ยวกราด โมโหร้าย ถ้าใครไม่ทำตามใจก็จะทำร้าย  ยังจำได้มีครั้งหนื่งผมได้จับตัวเด็กเพื่อจะให้สงบสติแต่เด็กได้เข้าต่อสู้ผม  เบิกตากว้างพร้อมที่จะเข้าทำร้ายผม  โชคยังดีเขายังเด็กอยู่มากไม่มีแรงที่จะต่อต้านผมได้   นับแต่นั้นมาได้เข้าไปที่โรงเรียนแจ้งให้ทราบว่าเด็กติดยาเสพติด  จึงได้ส่งต้วไปบำบัดแต่ก็ไม่แคล้ว อีกหลายปีผ่านไปเขาก็ได้ถูกจับเรื่องของยาเสพติด  อาจจะเสพ หรือขาย ผมก็ไม่แน่ใจ  ได้ถูกจับติดคุกอยู่ประมาณ 2-3 ปี  พี่สาวเสียใจกับเรื่องนี้มากคิดอยู่เสมอว่าต้นเหตุเกิดจากพ่อแม่ไม่ให้ความอบอุ่นจึงส่งผลถึงเด็ก  พี่สาวก็พยายามทุ่มความรักให้กับเขาแทน  ส่งเสียให้เรียนต่อในสถาบัน เทคนิคการทหาร  ต้องเสียเงินค่าเข้าไปมากมาย แต่ก็ไร้ผลเพราะเขาได้หนีเรียน และได้ถูกให้ออกจากโรงเรียน  ตัวเขาไม่สนใจเรียน ไม่สนใจทำงาน บางครั้งก็ขโมยเงิน ทอง ไปขายเที่ยวเตร่  จนไม่มีใครไว้ใจ  อยู่ด้วยกันต้องคอยระวัง  พี่น้องผม หลังจากแต่งงาน ต่างคนก็แยกย้ายไปอยู่ที่อื่น  นอกจากพี่สาวที่ไม่แต่งก็ยังอาศัยอยู่กับเขาที่บ้านเดิม  เขาเคยไปบวชเรียนอยู่พักหนึ่งโดยญาติแนะนำวัดที่ต่างจังหวัด  หลังจากสึกแล้ว ความคิด การพูด การกระทำต่างๆ ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลง  ลืมเล่าไปเรื่องหนึ่ง  ตอนติดคุก เขาได้ฝึกทำเบเกอรี่ในโรงเรียนคุก ตอนออกมาก็เคยทำเบเกอรี่ขาย ตั้งใจจะให้ทำเป็นอาชีพ  แต่ก็ไม่เอาใจใส่ และก็ได้เลิกลาไป   ทุกวันนี้ก็ยังอยู่กับพี่สาวที่บ้าน  ถึงแม้ว่าจะได้เข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง มีเงินเดือน แต่ก็ยังต้องมาขอเงินจากพี่สาวเป็นประจำ บางวันก็ดื่ม เหล้าเมาจนดึกดื่น  กลับมาก็โวยวาย ไม่ยอมนอน  และก็ไม่ยอมตื่นจนเลยถึงเที่ยง การงานบางวันก็ไม่ไปทำ อาจเป็นเหตุให้นายจ้างไม่พอใจ และคงจะพิจารณาให้ออกจากงาน  ผมคิดว่าการกระทำของเขาคงจะไม่รู้ตัวเองเกิดจาการกระทำของเขาเอง  จะบอกว่าเป็นเวรกรรม ในทางพุทธ ก็คงได้ 

ผมได้ปฏิบัติตามคำสอนของเรยูไก  ได้รับการบอกจากรุ่นพี่ว่าการกระทำเกิดจากเหตุ และปัจจัย ถ้าไม่แก้เหตุที่ต้นทาง ผลก็คงไม่เปลี่ยนแปลงได้  เฉกเช่นเดียวกับหลานคนนี้   ผมได้สวดมนต์พระสูตรสี่น้ำเงินทุกวันได้อธิษฐานจิตให้เขาได้เปลี่ยนแปลงการกระทำที่ผ่านมา  ผมยังเชื่อว่าบรรพบุรุษจะบันดาลให้เขาได้รับรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง  และเพื่อนๆ สมาชิก ก็ได้ให้กำลังใจสวดมนต์อธิษฐานด้วย  ผมก็ต้องขอบคุณที่คอยให้กำลังใจ  ผมจะติดตามการเปลี่ยนแปลงของเขาตั้งแต่ผมได้รับโทรศัพท์จากเขาในคืนดึกวันหนึ่ง  ที่กำลังเมา บ่นถึงความผิดหวังในพี่สาว(ป้า) ที่คอยบังคับในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ผมจะไม่ทำเหมือนอย่างพี่สาว  แต่จะรับฟังเรื่องของเขาไม่ต่อต้าน แต่ก็ไม่สนับสนุน บางเรื่องรุ่นพี่แนะนำว่า ไม่ให้ดุด่า แต่ให้รับฟังอย่างเข้าใจต้องให้เวลา ใช้เวลาทำกิจกรรม และแนะนำให้เป็นสมาชิกเรยูไก  ผมจะทำตามที่รุ่นพี่แนะนำ และมีความหวังว่าเขาจะเป็นสมาชิกที่เป็นคนดีต่อสังคมได้ในอนาคต ขอบคุณทุกท่านที่ได้ตั้งใจฟังผมเล่าเรื่องจนจบในวันนี้  ขอความเมตตากรุณามีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยครับ

ธีรวัฒน์  อุ่นสินมั่น

มูลนิธิเรยูไก (ประเทศไทย)
เลขที่ 23/1 ซอยราชวิถี2 ถนนราชวิถี แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทร : 02-246-5037 , 02-246-3204
โทรสาร : 02-644-4513
Website : reiyukaithailand.or.th